วันนี้ครูดานิ จะมาแนะนำสารตัวหนึ่งที่ช่วยในเรื่องของการลดริ้วรอย สามารถซ่อมแซมผิวให้กลับมามีสุขภาพดีได้
ลักษณะผลิตภัณฑ์:
เมื่อนำมาใส่ในสูตรครีม เหมาะสำหรับผิวที่ไม่ได้ดูแลมาเป็นระยะเวลานาน
สารตัวนี้ใช้งานง่ายมากคะ สำหรับคนที่ทำครีมเป็น ให้นำมาผสมในขั้นตอนสุดท้าย ก็สามารถใช้ได้เลย
สารตัวนี้ชื่ออะไรมาดูกันคะ
Repair Activator จากการบ่มของแบคทีเรีย Bifido หรือ Bifida จากการทดลอง พบว่า สามารถช่วยซ่อมแซม DNA ของผิวได้ โดยกระตุ้นให้ผิวเกิดกระบวนการซ่อมแซม DNA เมื่อถูกแสง UVA ทำลาย จากผลการทดลองพบว่า สามารถเพิ่มกระบวนการ DNA Repair ได้ถึง 40%
(*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคล)
Repair Activator ใช้เป็นส่วนผสมหลัก
Repair Activator ใช้เป็นส่วนผสมหลัก
(อัตราการใช้ 10%)
ในผลิตภัณฑ์ Lancôme Génifique และ
Estee Lauder Advanced Night Repair
ซึ่งก่อนหน้านี้ Repair Activator
ถูกควบคุมการจำหน่าย ภายใต้สิทธิบัตรของ Lancome และ Estee Lauder
แต่ในปัจจุบัน สิทธิบัตรได้หมดอายุลงแล้ว
*Repair Activator ปัจจุบันพัฒนาต่อเนื่องจึงมีความบริสุทธิ์สูงสุด ไม่มีตะกอนในเนื้อผลิตภัณฑ์ และไม่มีกลิ่นที่กระทบกับสูตรเครื่องสำอาง*
การใช้:
*Repair Activator ปัจจุบันพัฒนาต่อเนื่องจึงมีความบริสุทธิ์สูงสุด ไม่มีตะกอนในเนื้อผลิตภัณฑ์ และไม่มีกลิ่นที่กระทบกับสูตรเครื่องสำอาง*
สำหรับผลิตภัณฑ์ Anti-aging ทุกชนิด
วิธีการผสม:
วิธีการผสม:
เขย่าก่อนนำมาผสมในสูตร ผสมในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ โดยสามารถละลายในน้ำได้โดยตรง ผสมในขั้นตอนสุดท้าย หลีกเลี่ยงความร้อน
อัตราการใช้: 5-20% (แนะนำ 10-15% สำหรับประสิทธิภาพ anti-aging สูงสุด)
อัตราการใช้: 5-20% (แนะนำ 10-15% สำหรับประสิทธิภาพ anti-aging สูงสุด)
ลักษณะผลิตภัณฑ์:
ของเหลว มี pH ช่วง 4-5.5 มีกลิ่นอ่อนๆ
การละลาย:
การละลาย:
สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา:
การเก็บรักษา:
เก็บในตู้เย็น (6-8องศา) ปิดฝาขวดให้สนิท มิดชิดจากแสงแดด และความร้อน ผลิตภัณฑ์มีอายุอย่างต่ำ 2 ปี
INCI Name: Bifida Ferment Lysate, Butylene Glycol, Glycerin
ขอบคุณข้อมูลจาก myskinrecipes
INCI Name: Bifida Ferment Lysate, Butylene Glycol, Glycerin
ขอบคุณข้อมูลจาก myskinrecipes